ฉายแสงรักษาสิว ดีไหม?

สิวเป็นปัญหาบนใบหน้าที่ทำให้หลายคนรู้สึกกังวลและขาดความมั่นใจได้ ปัจจุบันด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้นวัตกรรมทางด้านความงาม ได้นำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการรักษาสิว นั้นก็คือการฉายแสงรักษาสิว หรือการใช้ การใช้แสง Magenta Light  ที่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดสิวการรักษาสิวโดยการฉายแสงลงสู่ผิว ไม่เกิน 60 นาที เป็นเวลา 5 สัปดาห์ จำนวนสิวจะลดลงถึง 95% เมื่อเทียบกับการใช้เพียงกลุ่มยาละลายหัวสิว และยาปฏิชีวนะต่าง ๆ เพียงอย่างเดียว ซึ่งสามารถลดจำนวนสิวได้เพียง 40-50% จะเห็นได้ว่าการรักษาสิวโดยใช้ แสงรักษาสิว Light therapy หรือ Magenta Light ควบคู่ไปกับ  ทายาและทานยา ที่ได้รับคำแนะนำ และการดูแลจากแพทย์ ทำให้ผลการรักษาสิว มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สิวเก่าที่มีอยู่ลดลง ลดการเกิดสิวใหม่ได้เป็นอย่างดี  

การรักษาสิวด้วยMagenta Light คืออะไร

MAGENTA LIGHT  นวัตกรรมแสงรักษาสิว โดยใช้แสงที่มีความยาวคลื่น 415 nm. แ ล ะ  660 nm. ในการลดการทำงานของต่อมไขมันและกำจัดเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acnes (P.acne) ต้นกำเนิดสิว 

  1. Blue light แสงสีฟ้า ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.acne ที่ทำให้เกิดสิว ทำให้สิวอักเสบยุบตัวเร็วขึ้น ลดระยะเวลาของการทานยา
  2. Yellow light แสงสีเหลือง ช่วยรักษารอยดำ ฝ้า กระ เม็ดสีที่เข้มให้จางลง กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลือง ทำให้เกิดการขับถ่ายของเสียบนผิวหน้าได้ดีขึ้น
  3. Red light แสงสีแดง ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน ลดริ้วรอย สามารถใช้ได้ทั้งหน้าและแผ่นหลัง กรณีเป็นสิว

ระยะเวลาในการรักษา

การรักษาใช้เวลาเพียง 60 นาที  ควรเข้ารับการรักษาต่อเนื่อง 5-8 ครั้ง เว้นระยะห่างสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ผลการรักษาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล อายุ และการดูแลรักษาหลังทำ 

ผู้ที่เหมาะจะทำการรักษา
1. ผู้ที่เป็นสิวเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ หรือสิวอักเสบ สิวอุดตัน สิวผื่นทุกชนิด
2. เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวหน้ามัน

ผลลัพธ์จากการรักษา
1. ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.acne ต้นกำเนิดสิว ป้องกันการเกิดสิวใหม่
2. ลดการทำงานของต่อมไขมัน ลดความมันบนใบหน้า
3. ลดสิวอุดตันและการอักเสบสิว
4. รูขุมขนกระชับ ผิวเรียบเนียนขึ้น
5. รอยแดงรอยดำจากสิวจางลง ผิวขาวใสไร้สิว

ผลข้างเคียงจากการรักษา

การรักษามีความปลอดภัย ไม่มีอันตราย ในบางรายอาจมีอาการผิวหน้าแดงจากการกดสิวบ้าง แต่รอยแดงจะหายเองภายใน 40 นาที ส่วนการฉายแสงอาจทำให้ผิวหน้าแห้งลง เนื่องจากต่อมไขมันทำงานน้อยลง ส่วนผลข้างเคียงอื่น ๆ ไม่มี การกินยารับประทานและการใช้ยาทาแต่ละชนิด ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ที่จัดให้อย่างเหมาะสมกับปัญหาในของแต่ละบุคคล

สาเหตุของการทำให้เกิดสิว

  • เกิดจาก ฮอร์โมน ในร่างกายสร้างฮอร์โมน Testosteroneทำให้มีการสร้างไขมันเพิ่ม ซึ่งจะอยู่ในช่วงอายุ 11-14 ปีดังนั้นจึงพบว่า วัยรุ่นช่วงนี้สิวจะขึ้นมากโดยเฉพาะเพศชาย
  • การผลิตไขมันมากขึ้นและร่วมกับเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว และเชื้อแบคทีเรียทำให้เกิดการอุดตันจนเกิดสิว
  • กรรมพันธุ์ หากผู้ที่มีทั้งพ่อแม่เป็นสิวจะมีโอกาสที่จะเป็นสิวก็สูงด้วยเช่นกัน
  • เกิดจากการล้างหน้าไม่สะอาด หรือผิดวิธี ทำให้ไขมันจากสบู่ที่ล้างไม่สะอาดไปอุดตัน
  • ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงในช่วงใกล้หมดประจำเดือน
  • เกิดจากการใช้เครื่องสำอาง แล้วเกิดอาการแพ้

การป้องกันการเกิดสิว

  • อย่าปล่อยให้ผิวหน้าสกปรกเป็นเวลานาน ๆ ล้างหน้าให้สะอาดเป็นประจำทุกเช้า-เย็น
  • ควรเปลี่ยนผ้าปูที่นอนอย่างน้อยอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง หมอนหรือเครื่องนอน สัมผัสใบหน้าเราในทุกวันยิ่งผิวเป็นสิวและความมันสะสมไปบนเครื่องนอนที่เราใช้อยู่เป็นประจำก็ต้องยิ่งรักษาความสะอาดให้บ่อยครั้ง
  • พักผ่อนให้เพียงพอเพราะการนอนให้เพียงพอและในภาวะที่ร่างกายเราหลับสนิทจะทำให้เกิดการซ่อมแซมตัวเองในส่วนที่สึกหรอของร่างกาย รวมทั้งรักษาผิว สมานแผลให้ดีขึ้นได้ทำให้ผิวดูสดใส
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยทำให้เซลล์ต่าง ๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และน้ำยังเป็นตัวช่วยในการนำสารพิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกายให้ถูกขับออกมาด้วย ดังนั้นจงจำไว้เลยว่า เราควรดื่มน้ำไม่ต่ำกว่าวันละ 8 แก้ว