เปลือกมังคุดรักษาสิว สิว ปัญหาที่สาว ๆ วัยรุ่นไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใบหน้าของตัวเอง ซึ่งสิวนั้นไม่ได้ขึ้นเฉพาะใบหน้าอย่างเดียว ยังสามารถขึ้นได้บนแผ่นหลัง ลำคอ หนังศีรษะ ได้อีกด้วย เมื่อเกิดขึ้นก็จะสร้างความรำคาญให้กับผู้ที่เป็น และยังเป็นการลดความมั่นใจให้กับสาว ๆ ที่ต้องออกไปเผชิญกับสังคมในปัจจุบัน
ดังนั้น สาว ๆ จึงมักหาวิธีรักษาสิวด้วยตัวเอง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การนำเปลือกมังคุดรักษาสิว นั่นเอง เปลือกมังคุดถือเป็นสมุนไพรรักษาสิวที่นิยมใช้สำหรับคนที่ไม่ต้องการใช้ยาสเตียรรอยด์ในการรักษา
ก่อนที่จะทำการรักษาเรามาทำความรู้จักกับต้นตอของการเกิดสิวกันก่อนดีกว่าว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร อะไรเป็นสาเหตุทำให้เกิดสิว รวมไปถึงวิธีป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดสิว
ต้นตอของการเกิดสิว
- เกิดจากฮอร์โมนในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งมักจะเกิดในช่วงวัยรุ่น เป็นการสร้างฮอร์โมน Testosterone ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้มีการสร้างไขมันเพิ่มมากขึ้น
- เกิดจากกรรมพันธุ์ หากครอบครัวใดมีคุณพ่อ คุณแม่ที่เป็นสิว จะมีโอกาสเป็นสิวสูงมาก
- เนื่องจากการทำงานของต่อมไขมัน หากบริเวณใดที่มันมาก แล้วทำความสะอาดไม่ทั่วถึง ก็จะทำให้เกิดสิวขึ้นได้
- เกิดจากการระคายผิว เช่น การล้างหน้าที่มีการถูมากเกินไป หรือ เกิดจากการบีบสิว
- สิวมักเกิดขึ้นกับสภาพที่มีอากาศร้อน เนื่องจากทำให้มีเหงื่อออกเยอะ
- เกิดจากอารมณ์ คนที่มีอารมณ์ดีจะเกิดสิวได้น้อยกว่าคนที่อารมณ์เสีย
- เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะที่มีชื่อว่า Propionibacterium acne เป็นต้นเหตุของการเกิดสิวอักเสบ
บทความแนะนำ ฉีดสลายไขมัน VS ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม จาก Rattinan.com
ชนิดของสิว
- สิวหัวดำ (Blackheads)
สิวหัวดำ จะเห็นเป็นจุดสีดำ เนื่องจากน้ำมันทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ เปลี่ยนไขมันเป็นสีดำ โดยมากจะพบบริเวณ หน้าผาก จมูก และคาง
วิธีการรักษา : ทายารักษาสิวแบบอุดตันโดยเฉพาะ ที่มีส่วนผสมของ Benzoyl Peroxide ซึ่งสามารถช่วยลดการอุดตันได้ สามารถใช้การกดสิวร่วมด้วยได้
- สิวหัวช้าง (Cystic Acne)
อาการเริ่มแรกจะเกิดสิวตุ่มแดงเล็กแล้วเริ่มขยายใหญ่เป็นก้อนใหญ่ คล้ายซีสต์ และมีหนองอีกด้วย เกิดขึ้นได้จากการอักเสบอย่างรุนแรงบนผิวเมื่อสัมผัสจะทำให้มีอาการเจ็บปวดมาก เชื่อว่าเป็นสิวที่ไม่มีใครอยากเป็นที่สุดในทั้งหมดนี้
วิธีการรักษา : เป็นสิวชนิดนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ด้านผิวหนังโดยเฉพาะ เพราะเป็นสิวที่มีขนาดใหญ่ และเกิดจากการอักเสบอย่างรุนแรง รักษาได้ยาก และอาจกลายเป็นแผลได้
- สิวอักเสบ (Nodular Acne)
สาเหตุเกิดจาก มีแบคทีเรียเข้าไปอยู่ในรูขุมขน บวกกับความมันบนผิว ทำให้เกิดการอักเสบรุนแรง ซึ่งมีลักษณะตุ่มสีแดง ไม่มีหัวสิว ขนาดใหญ่
วิธีการรักษา : สิวชนิดนี้หากต้องการให้หายขาดควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษา หากรักษาอย่างผิดวิธี อาจทำให้สิวอักเสบรุนแรงมากขึ้นแล้วอาจเกิดเป็นรอยแผลเป็นได้
- สิวที่มีตุ่มนูนแดง (Papule)
ลักษณะจะเป็นตุ่มแดงขนาดเล็ก ไม่มีหัวสิว แถมสิวแบบนี้ยังสามารถพัฒนาเป็นสิวอักเสบได้ด้วย สิวชนิดนี้เกิดจากแบคทีเรียที่ไปอุดตันรูขุมขน ดังนั้นระบบภูมิคุ้มกันของเรา เลยสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับแบคทีเรียนี้ เลยทำให้เกิดตุ่มสิวนูนแดง ซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบขึ้นมาได้
วิธีการรักษา : ควรใช้ยาที่มีส่วนผสมของ Benzoyl Peroxide ที่มีฤทธิ์ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย แล้วจากนั้นควรล้างหน้าให้สะอาด เลือกใช้สูตรที่อ่อนโยนต่อผิว หลีกเลี่ยงการสครับผิวหน้าออกไปก่อน เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองและอักเสบได้
- สิวเสี้ยน/สิวอุดตัน (Comedone)
ลักษณะจะเป็นเหมือนเสี้ยนเล็ก ๆ โดยเกิดจากการสะสมของขี้ไคลร่วมกับการสะสมของขนอ่อนในรุขุมขนนั้น ส่วนมากเกิดบริเวณ ทีโซน
วิธีการรักษา : ใช้ยาทาที่ช่วยลดการอุดตัน จะช่วยให้สิวเสี้ยนและสิวอุดตันหลุดออกได้ง่ายขึ้น ใช้ร่วมกับการกดสิว
- สิวหัวขาว (Whiteheads)
สิวแบบนี้สามารถพัฒนาไปเป็นสิวอักเสบประเภทอื่น ๆ ได้ ซึ่งสิวแบบนี้สามารถเกิดได้จากการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน เครื่องสำอาง รวมไปถึงสกินแคร์ที่มีส่วนประกอบของน้ำมัน
วิธีการรักษา : แนะนำให้ใช้ยาที่มีส่วนผสมอย่างTretinoin ยากลุ่มกรดวิตามินเอ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้งาน เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงได้
การรักษาสิวด้วยสมุนไพรที่เราอยากแนะนำคือการนำเปลือกมังคุดมาใช้ในการรักษาสิว ซึ่ง ในเปลือกมังคุดจะมีสารที่ช่วยระงับการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และช่วยต้านการอักเสบ และยังช่วยสมานแผลให้หายเร็วมากขึ้นได้อีกด้วย
วิธีใช้ ให้นำเปลือกมังคุดมาคั้นเอาแต่น้ำ จากนั้นให้นำมาผสมกับดินสอพองที่บดเป็นผงแล้ว คนให้เป็นเนื้อเดียวกันจนเหนียว จากนั้นใช้แต้มที่สิวอักเสบ หรืออาจนำเปลือกมังคุดมาปั่นแล้วใส่น้ำอุ่นเล็กน้อย คั้นเอาแต่น้ำสีม่วงแล้วป้ายลงบนสิวอักเสบโดยตรง วิธีนี้เราสามารถทำได้ทุกวันในช่วงที่มีสิวอักเสบ จากนั้นจึงค่อยลดลงเหลือสัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง
บทสรุป
เปลือกมังคุดรักษาสิว Liposuction เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สาว ๆ นิยมใช้กัน เนื่องจากไม่เสี่ยงต่อการใช้สเตียรอยด์ เป็นการรักษาที่ใช้สมุนไพรในการรักษา แต่วิธีนี้อาจต้องใช้เวลาในการักษา และผลลัพธ์ที่ได้จะขึ้นอยู่กับลักษณะผิวของแต่ละบุคคล หากต้องการรักษาให้หายเร็วท่านสามารถเข้าพบแพทย์ผิวหนังเพื่อขอคำปรึกษากับคลินิกเสริมความงามทั่วไปที่ได้มาตรฐาน