ลดริ้วรอยรอบดวงตา ทำอย่างไรบ้าง?

หนึ่งในปัญหาน่ากังวลใจอันดับต้น ๆ สำหรับผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป ก็คือ ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา ทั้งรอยตีนกา ปัญหาใต้ตาเหี่ยวย่น มีถุงบวมใต้ตา หรือขอบตาคล้ำ ที่มันสร้างความปวดใจทุกครั้งที่เราดูกระจกเลยล่ะค่ะ ยิ่งอายุมากขึ้นเจ้าปัญหารอยเหี่ยวย่นรอบดวงตาก็ยิ่งปรากฏชัดเจนขึ้น ทั้งนี้ เราลองมาดูสาเหตุของปัญหาริ้วรอยรอบดวงตาว่าเกิดจากสาเหตุอะไรบ้างพร้อมกับวิธีลดริ้วรอยรอบดวงตามาฝากสาว ๆ พร้อมแล้วไปดูกันเลยค่ะ

สาเหตุของการเกิดริ้วรอยรอบดวงตา

ลดริ้วรอยรอบดวงตา

  1. ปัญหารอยเหี่ยวย่นใต้ตา ปัญหารอยตีนกา

สาเหตุของรอยเหี่ยวย่นใต้ตาและรอยตีนกา มีสาเหตุจากคอลลาเจลและอิลาสตินในผิวถูกทำลาย ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและความกระชับ จึงเกิดริ้วรอยร่องลึก ริ้วรอยรอบดวงตา รอยย่นใต้ตา ริ้วรอยใต้ตาโดยเฉพาะบริเวณ หางตา ใต้ตา รอบดวงตา ซึ่งผิวหนังรอบดวงตามักเป็นบริเวณที่เกิดริ้วรอยได้เร็วกว่าผิวหนังบริเวณ เพราะว่าความละเอียดและก็บอบบางของผิวหนังบริเวณนี้ ร่วมกับสาเหตุกระตุ้นต่าง ๆ เช่น การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อเวลาที่มีการแสดงออกทางใบหน้า อาทิเช่น การยิ้ม การหัวเราะ หรือเวลาที่คุณร้องไห้ การขยี้ตาบ่อย ๆ รวมไปถึงผิวหนังถูกทำลายด้วยแสงแดดหรือบุหรี่ การระคายเคืองอย่างเรื้อรังของผิวหนังใต้ดวงตา ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดริ้วรอยที่ไม่ต้องการบริเวณรอบดวงตาทั้งสิ้นค่ะ

  1. ปัญหาถุงใต้ตาบวม

มีเหตุที่เกิดจากการสั่งสมของน้ำแล้วก็ไขมันรอบดวงตา เมื่ออายุเริ่มมากขึ้น คอลลาเจนและอิลาสตินในผิวก็จะเริ่มเสื่อมและหย่อนคล้อยทำให้มีการเกิดการสั่งสมของน้ำแล้วก็ไขมันเยอะขึ้นเรื่อย ๆ  ยิ่งสะสมมากเท่าไหร่ น้ำหนัก และก็ขนาดของถุงใต้ตายิ่งมากขึ้นจนปรากฏให้เห็นเด่นขึ้นค่ะ ในการคั่งของน้ำนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น โรคภูมิแพ้ การติดเชื้อในโพรงไซนัสความดันเลือดสูง การกินอาหารที่มีรสเค็มมากเกินไป หรือกระทั่งการร้องไห้ก็ทำให้เกิดอาการนี้ได้ด้วยเหมือนกัน

  1. ปัญหาขอบตาคล้ำเป็นหมีแพนด้า

สาเหตุเกิดจากการคั่งค้างและก็รั่วซึมของเลือดรอบดวงตาเนื่องจากเส้นเลือดฝอยเปราะบางลง ทำให้ขอบตาดำและก็ขอบตาคล้ำ หรืออาจเกิดจากการสั่งสมของเมลานินใต้ผิวหนัง อันเนื่องมาจากสาเหตุทางพันธุกรรม หรือสาเหตุอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองของผิวหนังบริเวณใต้ดวงตา ยกตัวอย่างเช่น การเช็ดหรือขยี้ตาเป็นประจำ การเป็นผิวหนังอักเสบรวมไปถึงการแพ้เครื่องสำอางค่ะ

วิธีลดริ้วรอยรอบดวงตา

  1. การดูแลรักษาผิวรอบดวงตา

สิ่งสำคัญคือเราควรจะหลีกเลี่ยงพฤติกรรมหรือการปฏิบัติตัวเสี่ยง ที่อาจทำให้เกิดริ้วรอยรอบดวงตาได้ ยกตัวอย่างเช่น การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ การนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์เป็นระยะเวลานาน การขยี้ตา หรือเช็ดตาแรง ๆ บ่อย ๆ เช็ดเครื่องสำอางรอบดวงตาโดยใช้แรงมากเกินไป การไม่ใส่แว่นกันแดดและไม่ทาครีมกันแดดเมื่ออยู่ที่โล่งแจ้ง การไม่หมั่นทาครีมบำรุงรอบดวงตาอย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้ผิวรอบดวงตาขาดความชุ่มชื้น รวมถึงการไม่รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือการบริโภคอาหารรสเค็ม แต่เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้และช่วยในการลดริ้วรอยรอบดวงตาให้เห็นผลมากขึ้น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อช่วยทำให้ผิวกระชับเต่งตึง แล้วก็กินอาหารที่มีประโยชน์ งดการสูบบุหรี่ หรือในกรณีที่มีโรคภูมิแพ้คุณควรจะรักษาโรคภูมิแพ้ก่อน เนื่องจากว่าภูมิแพ้อาจส่งผลให้เกิดอาการคันและทำให้ขยี้ตาบ่อยมากขึ้น จนส่งผลให้มีริ้วรอยใต้ตาร่วมด้วย

  1. การใช้ครีมบำรุงรอบดวงตา

จะเห็นได้ว่าปัญหาริ้วรอยรอบดวงตามักมาจากการขาดความชุ่มชื้นพร้อมกับวัยที่มากขึ้นเสมอ อีกทั้งผิวบริเวณรอบดวงตายังมีจำนวนไขมันในผิวต่ำ ทำให้ผิวใต้ตาของเราแห้งได้ง่ายเป็นพิเศษ ดังนั้นการหันมาดูแลผิวรอบดวงตาอย่างเหมาะสมด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะ ซึ่งจะสามารถช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยรอบดวงตาได้อย่างดีเยี่ยม

  1. การรักษาริ้วรอยรอบดวงตาด้วยการฉีด

การฉีดนั้นเป็นวิธีลดริ้วรอยใต้ตาที่เป็นริ้วรอยเล็ก ๆ รวมถึงรอยตีนกาที่ได้ผลดีที่สุดวิธีหนึ่งภายใน 1-2 อาทิตย์หลังทำ โดยโบท็อกซ์จะมีคุณสมบัติทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดมีการคลายตัวชั่วคราว ส่งผลให้ริ้วรอยจางลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ว่าการดูแลและรักษาด้วยโบท็อกซ์นั้นต้องทำการฉีดซ้ำทุก ๆ 6-8 เดือน และก็ฉีดโดยหมอผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะหากฉีดเยอะเกินไปจะทำให้ใต้ตาดูตึง และยิ้มไม่เป็นธรรมชาติ

  1. เลเซอร์ลดริ้วรอยใต้ตา

คือการใช้เลเซอร์ในกลุ่มช่วยในการซ่อมแซมกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน หรือเลเซอร์ในกลุ่มลดเลือนริ้วรอย เช่น Vbeam laser อื่น ๆ อีกมากมาย ก็สามารถช่วยทำให้รอยย่นที่ลงลึกค่อย ๆ จางลงได้ จะเห็นผลได้ดีกับริ้วรอยที่ไม่ลึกมากนัก โดยการดูแลรักษาด้วยเลเซอร์นั้นจะสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่หลังทำครั้งแรก และจะเห็นผลชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ในครั้งต่อ ๆ ไป

  1. รักษาด้วยการใช้คลื่นวิทยุ (Radio Frequency – RF) 

เป็นอีกหนึ่งวิธีลดริ้วรอยใต้ตาที่ช่วยเสริมการรักษาร่วมกับการดูแลรักษาอื่น ๆ อาทิเช่น การดูแลและรักษาด้วยเลเซอร์ โบท็อกซ์ ฯลฯ ซึ่ง RF สามารถช่วยรักษาเรื่องริ้วรอยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การลดริ้วรอยรอบดวงตา หรือผิวหนังหย่อนคล้อยบนใบหน้า โดยใช้หลักการทำงานด้วยความร้อนปล่อยคลื่นไฟฟ้าอ่อน ๆ ในรูปของคลื่นความถี่วิทยุ ที่จะไปช่วยเพิ่มความร้อนของผิวหนังในชั้นหนังแท้ ซึ่งมีคอลลาเจนอยู่ให้มีการกระชับตัว รวมทั้งกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนใหม่ในระยะยาว ทำให้ปัญหาริ้วรอยของคุณลดลงได้