ริ้วรอยบนใบหน้า เป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกถึงวัยที่เพิ่มขึ้น ทั้งริ้วรอยบนหน้าผาก รอยตีนกา ริ้วรอยใต้ตา รอยย่นหัวคิ้ว ล้วนทำให้ใบหน้าดูแก่ลง ซึ่งเราสามารถรักษาริ้วรอย รักษารอยย่นได้ด้วยการฉีดโบท็อกริ้วรอย ซึ่งโบท็อกริ้วรอยเป็นการรักษาที่ได้ผลดีที่สุดสำหรับการรักษารอยย่นบนหน้าผาก รอยย่นหว่างคิ้ว รอยย่นจมูก รอยตีนกาบริเวณหางตา และรวมถึงริ้วรอยใต้ตา
ฉีดโบท็อกลดริ้วรอย ฉีดจุดไหนได้บ้าง?
โบท็อกลดริ้วรอยใต้ตา
บริเวณใต้ตาเป็นส่วนที่เกิดริ้วรอยได้ง่ายที่สุด มักเกิดริ้วรอยก่อนบริเวณอื่น ๆ ของใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูอ่อนล้า ไม่สดใส การฉีดโบท็อกลดริ้วรอยใต้ตา จะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดคลายตัวชั่วคราว ริ้วรอยจะจางลง แต่ข้อระวังคือการฉีดโบท็อกลดริ้วรอยรอบดวงตามากเกินไป อาจทำให้ตาแข็ง ดูไม่เป็นธรรมชาติได้ ควรฉีดกับหมอที่มีประสบการณ์
โบท็อกลดริ้วรอยร่องแก้ม
รอยย่นที่แก้ม มีสาเหตุหลักมาจากความหย่อนคล้อยของผิว การฉีดโบท็อกลดริ้วรอยร่องแก้ม ทำให้เกิดการคลายตัวของกล้ามเนื้อ ก็ช่วยกระชับแก้มและลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ ให้จางหายไปได้ หลังฉีดข้างแก้มทั้งสองข้างจะดูเรียบเนียนเต่งตึงขึ้น แต่วิธีนี้จะใช้ได้ผลดีกับผู้ที่มีร่องแก้มตื้น ๆ เท่านั้น ถ้าร่องแก้มลึกมาก ๆ ต้องเปลี่ยนมาใช้ฟิลเลอร์ร่องแก้มแทน
โบท็อกลดริ้วรอยหน้าผาก
การฉีดโบท็อกหน้าผากสามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่นได้ ซึ่งเกิดจากการแสดงอารมณ์ สีหน้า เมื่อเวลาผ่านไปริ้วรอยบริเวณนี้จะเริ่มลึกขึ้นเรื่อย ๆ อาจเสียความมั่นใจได้ การฉีดโบท็อกหน้าผากจะช่วยลดริ้วรอยเหล่านี้ได้
โบท็อกลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว
ริ้วรอยระหว่างคิ้ว เป็นบริเวณนี้เกิดริ้วรอยได้ง่ายมาก รอยย่นระหว่างคิ้วเป็นจุดแรกที่คนจะสังเกตเห็นได้ ทำให้ใบหน้าดูแก่ ไม่สดใส การฉีดโบท็อกริ้วรอยระหว่างคิ้ว จะช่วยยับยั้งการหดตัวและทำให้ผิวหนังส่วนบนเรียบขึ้น ทั้งนี้ตำแหน่งระหว่างคิ้วเป็นบริเวณที่มีเส้นประสาทจำนวนมาก ถือเป็นจุดที่ยากและมีความเสี่ยง จึงควรฉีดโบท็อกกับหมอที่มีประสบการณ์
อายุที่เหมาะสมในการฉีดโบท็อก
ในช่วงอายุ 30 ปี การหมุนเวียนของเซลล์ผิวและการผลิตคอลลาเจนของเราเริ่มชะลอตัวลง ซึ่งเป็นเวลาที่พวกเราหลายคนเริ่มเห็นสัญญาณของริ้วรอย แต่สำหรับบางคนก็อาจจะฉีดโบท็อกก่อนอายุขึ้นเลข 3 เพราะอย่างที่บอกว่า ริ้วรอยที่เกิดขึ้นมีหลายปัจจัยที่ไม่ใช่เพียงแต่ตัวเลข
ฉีดโบท็อกซ์ กี่วันถึงจะเห็นผล ?
การฉีด โบท็อกซ์ ลดริ้วรอย จะเห็นผลลัพธ์ที่ 2 สัปดาห์ โดยหลังฉีดไป 3 วันจะเริ่มรู้สึกตึงบริเวณที่ฉีด
ฉีดโบท็อกซ์ อยู่ได้นานแค่ไหน ?
ผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์จะไม่ได้อยู่อย่างถาวร ซึ่งปกติแล้วโบท็อกซ์จะอยู่ได้นาน 4-8 เดือน โดยอายุการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์นั้น ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก ดังนี้
- ยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่ฉีด หากเลือกโบท็อกซ์ที่มีความบริสุทธิ์สูง จะอยู่ในร่างกายได้นานกว่า เพราะร่างกายจะทำลายโปรตีนที่จับกับโบท็อกซ์ โดยโบท็อกซ์ที่มีโปรตีนมากกว่าจะถูกทำลายได้ง่ายกว่าโบท็อกซ์ที่มีโปรตีนสูง
- ตำแหน่งที่ฉีด กล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น แขน ไหล น่อง จะมีปริมาณเส้นใยกล้ามเนื้อมาก ดังนั้นกล้ามเนื้อจึงกลับมาใช้งานได้เร็ว ระยะเวลาที่โบท็อกซ์ออกฤทธิ์จึงสั้นกว่า กล้ามเนื้อมัดเล็ก เช่น กราม หน้าผาก หางตา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณโบท็อกซ์ที่ใช้ ซึ่งต้องอยู่ในการประเมินโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์
การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนฉีดโบท็อกซ์
- ควรหยุดการใช้ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน ยากลุ่มต้านการอักเสบ NSAIDS ได้แก่ Ibruprofen, Naproxen อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด เพื่อป้องการอาการฟกช้ำ
- งดวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส สารสกัดจากโสม ขิง กระเทียม ใบแปะก๊วย เป็นเวลา 2 สัปดาห์
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนการฉีด
- สุขภาพร่างกายอยู่ในสภาพปกติดี ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง และไม่ได้อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่
- ควรแจ้งให้แพทย์ผู้ฉีดทราบถึงปัญหาที่กังวลและสิ่งที่ต้องการในแต่ละส่วนอย่างชัดเจนก่อนฉีด เนื่องจากความต้องการที่ต่างกันไปตามแต่ละบุคคล เช่น บางท่านชอบให้ตึงมาก ๆ แต่บางท่านอาจชอบให้ดูเป็นธรรมชาติ แตกต่างกันไป
ดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์
- หลังฉีดโบท็อกซ์งดนอนราบ เป็นเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการไหลของโบท็อกซ์
- งดการนวดกดจุดบริเวณที่ฉีด เป็นเวลา 1 เดือน
- หลีกเลี่ยงไม่ให้บริเวณที่ฉีดโดนความร้อนเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ใบหน้าเกิดอาการ fushing เช่น ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายอย่างหนัก อบซาวน่าแช่น้ำอุ่น เนื่องจากความร้อนจะสลายตัวยาให้หมดสภาพเร็วขึ้น
- หลังฉีดโบท็อกซ์ได้ประมาณ 4 ชั่วโมง สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ โดยจะมีรอยแดงจากเข็มและรอยนูนจากการฉีด ซึ่งจะหายไปเองภายในเวลา 1-2 ชั่วโมงหลังฉีด
- งดการทำทรีทเม้นท์ด้วยเครื่อง RF หรือเลเซอร์ 2 สัปดาห์ แต่สามารถทาครีมไม่ตามปกติ