สิว ปัญหาที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง เนื่องจากเมื่อขึ้นบนใบหน้าแล้วก็จะทำให้สาว ๆ ขาดความมั่นใจ หลายคนมองหาวิธีที่จะรักษาสิวหายขาด ซึ่งปัจจุบันนี้มีทั้งรักษาด้วยตัวเองและรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ วิธีที่จะรักษาด้วยตัวเองคงต้องดูแลในเรื่องของการรักษาความสะอาด การรับประทานอาหาร ส่วนในเรื่องของการรักษาโดยแพทย์นั้นแพทย์ก็จะต้องดูในแต่ละเคสว่าเหมาะกับการรักษาแบบไหนสิวถึงจะหายขาดไปจากใบหน้า
ก่อนอื่นเลยเรามาหาสาเหตุของการเกิดสิวเพื่อที่จะได้เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดสิวกันก่อนดีกว่า ว่าสิวเกิดขึ้นได้จากสาเหตุใด
สาเหตุของการเกิดสิว
- การอักเสบของสิวเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า Propionibacterium acne
- เกิดจากฮอร์โมนที่มีการสร้างไขมันเพิ่มมากขึ้น โดยมากมักเกิดขึ้นกับวัย 11 – 14 ปี
- เกิดจากกรรมพันธุ์
- มีการผลิตไขมันมากขึ้นร่วมกับเซลล์ผิวหนัง อีกทั้งเชื้อแบคทีเรียก็ยังทำให้เกิดการอุดตันจนกลายเป็นสิว
- มีความเชื่อกันมาตลอดว่าการรับประทานอาหารที่มีมัน หรืออาหารที่มีรสหวานมาก ๆ จะทำให้เกิดสิวได้ง่าย
- การรักษาความสะอาดบนใบหน้าที่ไม่ดีพอ โดยเฉพาะขนที่สะสมอยู่บนใบหน้าทำให้สิ่งสกปรกเกาะติดง่ายจึงเกิดการอุดตัน
- สภาพอากาศที่ร้อนมักทำให้เกิดสิว
- การใช้ครีมบำรุง ควรหลีกเลี่ยงครีมบำรุงที่มีน้ำมันสูง
แนะนำบทความยอดนิยม ปลูกผม ราคา จากเว็บไซต์ Rattinan.com
การป้องกันการเกิดสิว
- ควรพักผ่อนให้เพียงพอ โดยการนอนหลับ
- ควรลดหน้าท้องและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จำพวกผักสีเขียว จะสามารถช่วยให้ร่างกายขับ หรือล้างสารพิษออกไปได้ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารประเภทที่มีไขมันสูง หรือไม่รับประทานอาหารที่มีไขมันมาก ๆ หลีกเลี่ยงการจับหัวสิว หรือบีบสิว
- หมั่นรักษาความสะอาด ป้องกันการเกิด ดีกว่ารักษาสิว
วิธีรักษาสิวให้หายขาด
- วิธีทายาให้สิวหายและหน้าไม่พัง
- การทายารักษาสิวนั้นควรแต้มบาง ๆ หากทามากเกินไปอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
- ท่านจะต้องศึกษาวิธีการใช้ยาก่อนที่จะใช้ เช่น ยากลุ่ม BP (Benzoyl Peroxide) ให้ทาแล้วล้างออก ไม่ควรทาทิ้งไว้ และไม่ควรทา BP คู่กับ Retinoid เนื่องจากจะทำให้ไม่ได้ผลเพราะมีฤทธิ์หักล้างกัน
- การทายากลุ่ม Retinoid ควรทาแล้วนอนเลย เนื่องจากตัวยาไม่ต้องการให้โดนแสงไ เพราะจะทำให้ยาเสื่อมได้
- อย่าทายาไม่ตรงกับชนิดของสิว
การใช้ยาที่ไม่ตรงกับชนิดของสิวจะไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ เลย เช่นหากเป็นสิวอุดตันแล้วไปทายา Cindamycin ก็อาจจะไม่ช่วยให้สิวอุดตันดีขึ้น
- อย่าทายาปฏิชีวนะแค่อย่างเดียว
การใช้ยาปฏิชีวนะไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน เนื่องจากจะทำให้เชื้อสิวเกิดการดื้อยาได้
- ยากลุ่ม Retenoid เริ่มทาบาง ๆ เฉพาะจุดที่มีสิวก่อน
การใช้ยาในกลุ่ม Retenoid แนะนำให้ใช้ในปริมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียว ซึ่งในช่วงแรกให้ทาวันเว้นวัน และก่อนทายาควรทาครีมบำรุงก่อน เพื่อลดการระคายเคือง
การทายาในช่วงแรกอาจจะมีสิวเห่อขึ้นหรือหน้าอาจจะแดงลอก ซึ่งเป็นอาการปกติที่เจอหลังจากทายา - การทายาสิวแนะนำให้ทาทั่วหน้า เพราะได้ผลดีกว่า
ในช่วงที่เริ่มต้นใช้ยาแนะนำว่าให้ทาเฉพาะจุดก่อน ต้องดูสภาพผิวหน้าด้วยว่าทนต่อยาตัวนี้ได้หรือไม่ หากได้ค่อยเพิ่มพื้นที่ขึ้น
- อยากรักษารอยสิว หลุมสิว ควรรักษาสิวที่ยังมีอยู่ด้วย
ควรรักษาสิวให้หายก่อนที่จะทำการรักษารอยสิวหรือหลุมสิว - รอยสิว รอยแดง กับรอยดำ รักษาต่างกัน
การรักษาสิวรอยแดง การทายาจะไม่ดีขึ้น ถ้าจะรักษาให้ตรงจุด สามารถทำเลเซอร์กลุ่มที่ลดรอยแดงได้ ส่วนในสิวรอยดำสามารถทายาได้ โดยใช้ยา Skinoren ยาตัวนี้เมื่อใช้แรก ๆ อาจเกิดอาการคันได้ - สิวขึ้นเยอะ ควรใช้ทั้งยากินและยาทา
ในรายที่มีสิวขึ้นเยอะมาก การทายาอย่างเดียวอาจจะไม่ช่วยอะไรได้มาก ต้องกินยาเพิ่มด้วย ซึ่งท่านควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผิวหนัง ซึ่งส่วนใหญ่แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะ เพื่อหวังลดการอักเสบของสิว
- การกดสิว ไม่ได้เหมาะกับสิวทุกประเภท
เหมาะกับการกดสิวอุดตันมากกว่าสิวอักเสบ ซึ่งสิวอักเสบไม่ควรกด การกดสิวหัวเปิดสีดำจะกดง่ายกว่าสิวหัวปิดสีขาว - การฉีดสิว ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
ไม่ควรฉีดบ่อยเกินไป เพราะตัวยาที่ใช้เป็นสเตียรอยด์ อาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้
บทสรุป
รักษาสิวหายขาด สามารถทำได้หากท่านปฏิบัติตามที่ได้นำเสนอไป ซึ่งการรักษาสิวต้องใช้เวลา ใจร้อนไม่ได้ หากใจร้อนมาก ๆ อยากให้สิวหายเร็วท่านต้องรักษากับแพทย์ผิวหนังตามคลินิกที่ปัจจุบันนี้มีคลินิกเหล่านี้ให้เลือกใช้บริการมากมาย แต่ท่านต้องเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่จะเกิดการอักเสบจากสิวที่ท่านกำลังทำการรักษา