วิธีเลือกครีมรักษาสิว กระชับผิวหน้า

เมื่อพูดถึงใบหน้า สิ่งที่คอยกวนใจเราอยู่เป็นประจำ ก็คือ สิว และรอยสิว นั่นเอง สิวสามารถเกิดได้ทุกเวลา ไม่ว่าจะเป็นสิวจากประจำเดือน สิวที่เกิดจากความสกปรกบน การเป็นสิวทำให้เราสูญเสียความมั่นใจอีกทั้งยังทำให้การแต่งหน้ายุ่งยากขึ้นไปอีก เพราะเราต้องหารองพื้นดี ๆ ซักตัวเพื่อมากลบสิวและรอยสิว ซึ่งรองพื้นที่สามารถกลบสิวได้นั้นย่อมมีราคาแพงและหาซื้อได้ยาก แต่จะดีกว่าไหมถ้ามีไอเท็มดี ๆ ที่ช่วยรักษาสิวของเรา ราคาก็สามารถจับต้องได้ นั่นก็คือ ครีมรักษาสิวและช่วยลดรอยดำที่เกิดจากสิวนั่นเอง

วิธีเลือกครีมสำหรับรักษาสิว

ครีมรักษาสิว

  1. เลือกครีมสำหรับรักษาสิวตามปัญหาสิวที่กำลังเผชิญอยู่

สิวอุดตัน : อย่างที่รู้ว่าสิวอุดตันนั้นเกิดจากการที่ร่างกายผลิตน้ำมันบนใบหน้ามากเกินไป และเมื่อรวมกับเซลล์ผิวที่ตายอยู่รอบ ๆ ก็ทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขนและเกิดเป็นสิวอุดตันได้ในที่สุด ฉะนั้นควรเลือกครีมรักษาสิวที่มีส่วนผสมในการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หมดจดและล้ำลึก อย่าง กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) หรือ Beta Hydroxy Acid (BHA) รวมถึงต้องไม่มีส่วนผสมที่ทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขน (Non-Comedogenic) และปราศจากน้ำมัน (Oil-Free) เท่านี้ก็จะช่วยลดโอกาสการอุดตันรูขุมขน แถมสิวอุดตันลดลงได้แล้วล่ะค่ะ

สิวอักเสบ :  นั้นเกิดจากการอุดตันรูขุมขนร่วมกับการติดเชื้อแบคทีเรีย P.acnes ตัวการร้ายทำให้สิวอักเสบ ฉะนั้นสาว ๆ ก็ควรหาครีมสำหรับรักษาสิวที่มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรียร้ายตัวนี้นั่นเองค่ะ โดยครีมสำหรับรักษาสิวอักเสบนั้นส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของ Benzoyl Peroxide สารอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ฆ่า P.acnes โดยเฉพาะค่ะ Clindamycin ช่วยกำจัดโปรตีนแหล่งอาหารของแบคทีเรีย รวมถึงสารสกัดจากธรรมชาติอย่าง Tea Tree Oil ก็มีส่วนในการช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียต้นเหตุของสิวเช่นกันค่ะ

รอยสิว :  สำหรับสาว ๆ ที่มีรอยแดงที่เกิดจากสิว ควรเลือกครีมสำหรับรักษาสิวที่มีส่วนผสมของ คอร์ติโซน (Cortisone) ที่จะช่วยลดอาการอักเสบของผิว ทำให้รอยแดงหรือรอยสิวจางลงได้ รวมถึงมองหาครีมสำหรับรักษาสิวที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติจำพวกวิตามิน C (Ascorbic Acid) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ สารสกัดจากต้นแบร์เบอร์รี่ (Arbutin) และกรดโคจิก (Kojic Acid) ที่ออกฤทธิ์กระตุ้นเซลล์ผิวละช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นจากสิวได้อย่างดีเยี่ยม

  1. เลือกครีมสำหรับรักษาสิวให้เหมาะกับผิวหน้าของตัวเอง

ผิวมัน : สาวผิวมันควรเลือกครีมสำหรับรักษาสิวที่ไม่เพิ่มความมันให้ใบหน้ามากกว่าเดิม ควรเลือกครีมสำหรับรักษาสิวที่มีเนื้อสัมผัสเป็นเจล เอสเซนต์ หรือเซรั่มค่ะ เนื่องจากมีคุณสมบัติซึบเข้าสู่ผิวได้รวดเร็ว ไม่เหนอะหนะ รวมถึงควรเลือกครีมสำหรับรักษาสิวที่มีส่วนผสมของ กรดผลไม้ (AHA) และ BHA เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หมดจด ป้องกันการอุดตันของรูขุมขน แถมยังช่วยให้รูขุมขนเล็กลงได้อีกด้วยค่ะ

ผิวแพ้ง่าย : เกิดมาเป็นสาวผิวแพ้ง่าย ผิวบอบบางก็อาจจะลำบากในการเลือกครีมสำหรับรักษาสิวสักหน่อย เบื้องต้นควรเลือกครีมสำหรับรักษาสิวที่ปราศจากส่วนผสมที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์ สารกันเสียหรือพาราเบน และสีสังเคราะห์ เพื่อเป็นการป้องกันการทำลายเกราะคุ้มกันผิว (Skin Barrier) ขณะเดียวกันก็ควรเลือกครีมสำหรับรักษาสิวที่มีส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหรือมีเนื้อสัมผัสที่เป็นน้ำ (Water Base) รวมถึงควรมองหาครีมสำหรับรักษาสิวที่มีการรับรองว่าผ่านการตรวจสอบจากแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ (Dermatological Tested) เพื่อให้มั่นใจว่าครีมสำหรับรักษาสิวเหล่านั้นจะไม่ทำให้เกิดอาการแพ้อย่างแน่นอนค่ะ

  1. เลือกครีมสำหรับรักษาสิวที่ผ่านการตรวจสอบ Non-Comedogenic

เพราะต้องการกำจัดสิวอุดตัน ก็ควรเลือกครีมสำหรับรักษาสิวที่ไม่มีส่วนผสมของสารที่ก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน (Non-Comedogenic) เพื่อเป็นการลดโอกาสการเกิดสิวซ้ำซากนั่นเองค่ะ ซึ่งจะรู้ได้อย่างไรนั้นว่าครีมสำหรับรักษาสิวตัวนั้นเป็น Non-Comedogenic นั้นก็ควรสังเกตส่วนประกอบว่ามีสารจำพวกน้ำมันอยู่หรือไม่ ถ้ามีก็ควรเลี่ยงทันทีค่ะ แต่ส่วนใหญ่แล้วครีมสำหรับรักษาสิวแต่ละยี่ห้อก็จะมีการรับรองและยืนยันอยู่แล้วว่าผลิตภัณฑ์ตัวเองนั้นผ่านการตรวจสอบ Non-Comedogenic เรียบร้อยแล้ว

  1. เลือกครีมสำหรับรักษาสิวที่มีส่วนประกอบของมอยส์เจอไรเซอร์

เนื่องจากครีมสำหรับรักษาสิวบางตัวมีส่วนผสมที่ค่อนข้างแรงต่อผิวหน้าของเรา หรืออาจส่งผลให้ผิวหน้าของเราแห้งกว่าเดิมได้ ฉะนั้นเวลาเลือกซื้อครีมสำหรับรักษาสิวก็ควรมองหาสูตรที่มีส่วนประกอบของมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อช่วยเพิ่มและปรับระดับความชุ่มชื้นในผิวของเราให้เพียงพอ