9 วิธีการรักษาและลดริ้วรอยสิว

ปัญหาผิวหน้าที่มาคอยรบกวนจิตใจของสาว ๆ นั้นก็คือ ริ้วรอยของสิวที่ไม่ว่าจะหายจากสิวแล้ว แต่ยังคงทิ้งร่องรอยของแผลที่เกิดจากสิวไว้ให้สาว ๆซึ่งต้องใช้ระยะนาน รอยสิวนั้นจะลดลง ต้องหาวิธีลดริ้วรอยสิว เพื่อให้ใบหน้ากลับมากระจ่างใส ไม่มีริ้วรอยของสิวมาคอยกวนใจอีกต่อไป ถือเป็นสิ่งที่สาว ๆ นั้นให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ในการศึกษาหารายละเอียด เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจ ที่จะทำให้ใบหน้าของคุณนั้นกลับมาสวยกระจ่างใส ช่วยเพิ่มความมั่นใจมากยิ่งขึ้น 

รอยสิว เกิดจากอะไร 

รอยสิวเกิดจาก การที่เราเป็นสิว ซึ่งมีการอักเสบหรืออุดตันของรูขุมขนใต้ผิวหนัง สิวอักเสบที่มีความรุนแรงปานกลางไปจนถึงรุนแรงรุนแรงมาก  ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการทิ้งร่องรอยแผลเป็นจากสิวได้หลังจากที่สิวหายไป ชนิดของสิวสามารถแบ่งตามระดับความรุนแรง ได้แก่

  • รุนแรงน้อย สิวหัวขาว สิวหัวดำ
  • รุนแรงปานกลาง สิวตุ่มแดง สิวหัวหนอง
  • รุนแรงมาก สิวก้อนลึก สิวซีสต์

วิธีการรักษาและลบเลือนรอยสิว 

รักษาสิวเซเว่น

การรักษารอยสิวขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของรอยนั้นด้วย คุณสามารถดูแลรักษารอยแผลเป็นจากสิวให้ดีขึ้นได้ด้วยตนเอง ด้วยการใช้ยาหรือแนวทางปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เภสัชกร หรือแพทย์ผิวหนัง ซึ่งสามารถให้คำแนะนำและวางแผนการรักษาได้เป็นอย่างดี ซึ่งวิธีการรักษาสิวและลดริ้วรอยสิว สามารถรักษาได้หลายวิธีดังนี้ 

  1. ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของคอร์ติโซน (Cortisone)

การใช้ครีมคอร์ติโซนเหมาะสำหรับรอยสิวที่เป็นจุดสีแดง หรือเป็นรอยบวม โดยคอร์ติโซนจะช่วยลดภาวะอักเสบของผิวหนัง ทำให้สีแดงที่ผิวหนังจางไป และรอยสิวบริเวณนั้นยุบตัวลง แม้ครีมคอร์ติโซนสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป แต่ผู้ป่วยควรปรึกษาเภสัชกรถึงวิธีและขั้นตอนการใช้งานก่อนเสมอ

  1. ผลิตภัณฑ์ที่มีสารบำรุงผิว

สารที่อาจลองใช้เพื่อลบเลือนร่องรอยสิวที่เกิดขึ้น เช่น

  • 1วิตามินซี หรือกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญต่อร่างกาย ช่วยในการต้านอักเสบ ลดรอยดำจากสิว มีส่วนในสร้างคอลลาเจน ช่วยให้แผลหายเร็ว
  • อาร์บูติน (Arbutin) และกรดโคจิก (Kojic Acid) สารทั้งสองชนิดนี้มีสรรพคุณในการยับยั้งการผลิตเม็ดสี ช่วยลบเลือนรอยดำและรอยแผลเป็นจากสิว 
  • เซราไมด์ (Ceramide) เป็นกรดไขมันชนิดหนึ่งที่ร่างกายผลิตได้ตามธรรมชาติ ซึ่งมีหน้าที่เป็นเกราะปกป้องผิว รักษาความชุ่มชื้นของผิว และช่วยให้ผิวแข็งแรง คุณสมบัติของเซราไมด์ยังช่วยลดอาการผิวแห้งและระคายเคืองที่เป็นผลจากการรักษาสิวได้
  • ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) รู้จักกันในชื่อของวิตามินบี 3 หรือไนอะซิน (Niacin) เป็นสารอีกชนิดที่แพทย์อาจใช้ในการรักษาและลดรอยสิว เนื่องจากมีสรรพคุณต้านการอักเสบ ลดรอยแดง และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ซึ่งเป็นผลดีต่อการรักษาสิวและลดอาการผิวแห้ง
  1. การฉีดฟิลเลอร์

ในผู้ป่วยบางราย แพทย์จะฉีดฟิลเลอร์ เข้าไปเติมบริเวณรอยสิวที่มีลักษณะเป็นรอยบุ๋มลงไป เพื่อทำให้รอยสิวที่เป็นร่องลึกนั้นตื้นขึ้น ให้ผิวดูเรียบเนียนกลมกลืนกับผิวบริเวณใกล้เคียง แต่ผู้ป่วยมักต้องเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ซ้ำทุก 4-6 เดือน เพราะสารฟิลเลอร์จะถูกผิวดูดซึมจนหมดไปตามกาลเวลา

  1. การฉีดสเตียรอยด์

เป็นวิธีการรักษารอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว โดยเฉพาะชนิดแผลเป็นนูน แพทย์จะฉีดสารคอร์ติโคสเตียรอยด์ เช่น ไตรแอมซิโนโลน อีซีโตไนด์ (Triamcinolone Acetonide) เข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณที่ต้องการทำการรักษา 

  1. การทำเลเซอร์

เลเซอร์ผิวหนัง เป็นวิธีการที่แพทย์จะใช้อุปกรณ์ยิงลำแสงเลเซอร์ไปบนผิวหนังบริเวณที่เป็นรอยสิว เพื่อกำจัดผิวหนังชั้นนอกที่เกิดความเสียหายหลังการเกิดสิวนั้นทิ้งไป และกระตุ้นเซลล์ผิวใหม่ในผิวชั้นกลาง เพื่อให้ผิวบริเวณนั้นดูเรียบเนียนสม่ำเสมอกัน และหลังทำเลเซอร์อาจต้องใช้เวลาหลายวันกว่าสภาพผิวจะฟื้นตัวอย่างเต็มที่

  1. การกรอผิว

วิธีการนี้ แพทย์จะใช้เครื่องมือกรอขัดผิวหนังส่วนที่เป็นรอยสิวออกไป เพื่อให้ผิวหนังชั้นที่ลึกลงไปได้ผลัดเซลล์ผิวขึ้นมาใหม่แทนที่เซลล์ที่ถูกจำกัดไป รอยสิวจะหายไป ในขณะที่เซลล์ผิวหนังใหม่จะช่วยทำให้ผิวส่วนที่เป็นรอยสิวแต่เดิมเรียบเนียนสม่ำเสมอกับผิวบริเวณใกล้เคียงมากขึ้น แต่กว่าสภาพผิวจะฟื้นตัวอย่างเต็มที่อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์

  1. การลงเข็ม

แพทย์จะใช้อุปกรณ์ซึ่งเป็นเข็มขนาดเล็กจิ้มลงไปบนผิวหนังบริเวณรอยสิวที่ต้องการทำการรักษาหลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้เกิดรูเล็ก ๆ บนผิวหนังจำนวนมาก เป็นการกระตุ้นการสร้างสารคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวหนังชั้นที่อยู่ติดกับหนังกำพร้า ช่วยให้รอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวลดลง และทำให้ผิวบริเวณดังกล่าวกระชับดูเรียบเนียนขึ้น

  1. การบำบัดด้วยความเย็น (Cryotherapy)

แพทย์จะใช้เครื่องพ่นไนโตรเจนเหลวหรือคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีอุณหภูมิต่ำไปยังจุดที่ต้องการรักษาเป็นระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อทำให้เซลล์ผิวบริเวณรอยแผลเป็นตาย แล้วสร้างเซลล์ใหม่ที่ดีขึ้นมาแทนที่ 

  1. การศัลยกรรมรักษาหลุมสิว 

แพทย์อาจทำหัตถการด้วยการตัดเลาะเอาเนื้อเยื่อที่เสียหายบริเวณรอยสิวออกไป แล้วนำเนื้อเยื่อที่ดีจากผิวหนังส่วนอื่นมาเย็บปิดบริเวณนั้นแทน (Punch Grafting) ในรายที่มีรอยสิวแบบหลุมแหลมลึก หรืออาจทำการศัลยกรรมตกแต่งแก้ไขรอยแผลเป็นในรายที่มีแผลเป็นนูนขนาดใหญ่