ปัญหาผิวหน้าเป็นปัญหาที่หนักอกหนักใจของสาว ๆ เป็นอย่างมาก ยิ่งด้วยวัยที่มากขึ้นปัญหาผิวพรรณบนใบหน้าก็จะเพิ่มความรุนแรงขึ้นอีก ถือเป็นสิ่งที่ทำให้สาว ต้องคอยศึกษาหารายละเอียดเพื่อที่จะมาช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้นให้ลดลงได้บ้าง มาร์คหน้าลดริ้วรอย pantip ถือเป็นอีกวิธีที่สาว ๆ นิยมนำมาใช้เพื่อให้ผิวหน้าแลดูกระจ่างใส มากยิ่งขึ้น เป็นตัวช่วยให้กับสาว ๆ ได้ดีเลยทีเดียว
มาร์คหน้า มีกี่แบบ
- มาร์คเนื้อโคลน
มาร์คเนื้อโคลนก็มีแตกย่อยไปอีกหลายรูปแบบ ทั้งเนื้อครีมที่มีลักษณะเหมือนโคลน หรือเป็นผงแล้วนำไปละลายน้ำ พอมาร์คแห้งจะมีลักษณะแข็ง มีหลายสี ตั้งแต่ ขาว ดำ เทา เขียว ชมพู ฯลฯ อันนี้ขึ้นอยู่กับความสะดวกใช้ของสาว ๆ มาร์คชนิดนี้จะช่วยในเรื่องลดการอักเสบ ทำให้สิวแห้งไว และดูดซับความมันส่วนเกินบนใบหน้า มาร์คชนิดนี้ส่วนใหญ่จะต้องล้างออก เพราะถ้าทิ้งไว้นานเกินไปอาจจะทำให้หน้าแห้งได้ ไม่ควรมาร์คทุกวัน สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอ
- มาร์คแบบลอกออก
มาร์คชนิดนี้เมื่อแห้งสามารถลอกออกมาเป็นแผ่นได้ มีทั้งเนื้อสีใส สีขาว และสีดำ แล้วแต่ แบรนด์จะใส่ มาร์คชนิดนี้จะช่วยเรื่องสิวเสี้ยน ดึงสิ่งสกปรกอื่น ๆรวมถึงขนอ่อนออกจากผิว อยู่ที่ความเหนียวหนึบของแต่ละแบรนด์ ไม่ควรทิ้งมาร์คไว้ข้ามคืน และควรเว้นบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ ไม่ควรมาร์คทุกวัน สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก็เพียงพอ หรือจะมาร์คแค่เฉพาะบริเวณจมูกก็ได้
- มาร์คแบบไม่ต้องล้างออก
หรือที่เราเรียกกันว่า Sleeping Mask มาร์คชนิดนี้มีหลายเนื้อ อยู่ที่แต่ล่ะแบรนด์จะทำกัน จะมีความเข้มข้นมากกว่าครีมทั่วไป ทาทิ้งไว้ได้ตลอดทั้งคืน แต่ควรล้างออกในตอนเช้าให้สะอาด เพราะความเข้มข้นของครีมอาจจะทำให้เกิดการอุดตันได้ หากล้างหน้าไม่สะอาด มาร์คชนิดนี้มักจะทำได้ทุกวัน สาว ๆก็เลือกเอาคุณสมบัติตามสภาพผิวของแต่ล่ะบุคคล
- มาร์คแบบล้างออก
มาร์คชนิดนี้มีให้เลือกเยอะมาก ทั้งเนื้อเจล เนื้อครีม เนื้อมูส พอมาร์คแห้งจะไม่ได้มีลักษณะแข็งเหมือนมาร์คโคลน พอครบเวลาก็ล้างออก บางตัวจะมีเม็ดสครับอยู่ข้างใน ให้เราขัดผิวเบา ๆตอนล้างออก มาร์คชนิดนี้ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของมาร์คว่าสามารถทำได้บ่อยแค่ไหน แนะนำให้อ่านวิธีใช้ที่ลากผลิตภัณฑ์
- มาร์คชีท
มาร์คลักษณะนี้นอกจะมีหลายสูตร ยังมีหลายวัสดุที่เอามาทำแผ่น เช่น ทิชชู่ สำลี เจล ฟอยด์ เป็นต้น มีทั้งแบบแผ่นเล็กมาร์คเฉพาะจุด หรือแผ่นใหญ่มาร์คทั่วหน้า มาร์คชนิดนี้จะมำให้น้ำจากแผ่นมาร์คเข้ามาในผิว และน้ำในผิวไม่สามารถระเหยออกไปข้างนอกได้ เมื่อความชื้นเพิ่มขึ้น ผิวจะมีการทำงานบางอย่างดีขึ้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของมาร์คตัวนั้น และชนิดของแผ่นมาร์คว่าทำให้เกิดกระบวนการนี้ได้ดีแค่ไหน ความถี่ในการมาร์คอยู่ที่คุณสมบัติของมาร์ค เช่นเรื่องชุ่มชื้น เติมน้ำให้ผิว สามารถมาร์คได้ทุกวัน แต่ไม่แนะนำให้มาร์คในส่วนของ Whitening หรือผลัดเซลล์ผิวทุกวัน ส่วนใหญ่จะมาร์คสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
คุณสมบัติของมาร์คหน้า
- เพิ่มความชุ่มชื้น
มาร์คหน้าลดริ้วรอย pantip จะให้ความชุ่มชื้นอยู่แล้ว แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ ซึ่งสำหรับใครที่มีสภาพผิวแห้งหรือต้องการบำรุงให้หน้าชุ่มชื้นเป็นพิเศษแนะนำให้ซื้อสูตรที่มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid เพราะมีคุณสมบัติช่วยคืนความชุ่มชื้นและกักเก็บน้ำใต้ชั้นผิวได้นานขึ้น หรือสารสกัดจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติแบบเดียวกัน เช่น แตงกวา ว่านหางจระเข้ สาหร่ายทะเล น้ำมันมะกอก ชาเขียว เชียร์บัตเตอร์ หรือน้ำผึ้ง
- ลดปัญหาสิวและความมัน
อีกหนึ่งปัญหาผิวยอดฮิตที่ไม่ว่าจะเป็นเพศใดและอยู่ในวัยไหนต่างประสบเหมือนกันหมดก็คือ ความมันและปัญหาสิวนั่นเอง มาร์คหน้าที่เหมาะกับคุณจึงควรมีส่วนผสมของสารที่มีคุณสมบัติช่วยควบคุมความมันและยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว เช่น ทีทรี (Tea Tree), บิจา (Bija) และชาร์โคล (Charcoal) นอกจากนี้ ยังมีส่วนผสมอีกหนึ่งชนิดที่แม้ว่าจะไม่ช่วยลดปัญหาสิวโดยตรง แต่มีคุณสมบัติลดเลือนรอยสิว คือ เมือกหอยทาก
- เพื่อผิวกระจ่างใส
สรรพคุณนี้จะไม่ได้ใช้แล้วผิวขาวขึ้นทันที แต่ต้องใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังต้องหมั่นใช้ไวท์เทนนิ่งครีมตัวอื่น ๆ และทาครีมกันแดดควบคู่ไปด้วยถึงจะเห็นผล ซึ่งส่วนส่วนผสมที่ช่วยให้ผิวของเรากระจ่างใสก็ได้แก่ มะเขือเทศ กุหลาบหรือส้ม และบางยี่ห้อก็ใช้วิตามินซีแทน
- เพื่อชะลอริ้วรอย
คนส่วนใหญ่เข้าใจว่ามาร์กคแล้วหน้าจะต้องเต่งตึงทันที แต่สกินแคร์เหล่านี้ต้องอาศัยระยะเวลา แต่นอกเหนือจากนี้แล้ว พฤติกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของคุณก็มีผลกับผิวหน้าเช่นกัน ส่วนผสมต่อไปนี้ถือว่าเป็นแค่อีกตัวช่วยหนึ่งที่น่าสนใจ เมือกหอยทาก เชียร์บัตเตอร์ ชาเขียว อะโวคาโด Collagen ส่วนผสมที่กล่าวมานี้มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวหน้ายืดหยุ่นขึ้นและบางชนิดยังสามารถต่อต้านอนุมูลอิสระ ต้นเหตุของการเกิดริ้วรอยอีกด้วย และถ้าใครสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าส่วนใหญ่แล้วส่วนผสมเหล่านี้จะให้ความชุ่มชื้นด้วย เพราะเมื่ออายุมากขึ้น ผิวก็จะแห้งง่าย ทำให้ริ้วรอยมาเยือนไวขึ้น
